เกี่ยวกับพระองค์เอง
ภิกษุทั้งหลาย ! สมมติว่ามหาปฐพีอันใหญ่หลวงนี้มีน้ำท่วมถึงเป็นอันเดียวกันทั้งหมด; บุรุษคนหนึ่งทิ้งแอก(ไม้ไผ่ ?) ซึ่งมีรูเจาะได้เพียงรูเดียว ลงไปในน้ำนั้น;ลมตะวันออกพัดให้ลอยไปทางทิศตะวันตก, ลมตะวันตกพัดให้ลอยไปทางทิศตะวันออก, ลมทิศเหนือพัดให้ลอยไปทางทิศใต้, ลมทิศใต้พัดให้ลอยไปทางทิศเหนือ อยู่ดังนี้.
ในน้ำนั้นมีเต่าตัวหนึ่งตาบอด ล่วงไปร้อยๆ ปี มันจะผุดขึ้นมาครั้งหนึ่งๆ. ภิกษุทั้งหลาย ! เธอทั้งหลาย จะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : จะเป็นไปได้ไหมที่เต่าตาบอด ร้อยปีจึงจะผุดขึ้นมาสักครั้งหนึ่ง จะพึงยื่นคอ เข้าไปในรู ซึ่งมีอยู่เพียงรูเดียวในแอกนั้น ?
“ข้อนี้ยากที่จะเป็นไปได้ พระเจ้าข้า ! ที่เต่าตาบอดนั้นร้อยปีผุดขึ้นเพียงครั้งเดียว จะพึงยื่นคอเข้าไปในรู ซึ่งมีอยู่เพียงรูเดียวในแอกนั้น”.
ภิกษุทั้งหลาย ! ยากที่จะเป็นไปได้ฉันเดียวกันที่ใครๆ จะพึงได้ความเป็นมนุษย์;ยากที่จะเป็นไปได้ฉันเดียวกันที่ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ จะเกิดขึ้นในโลก;
ยากที่จะเป็นไปได้ฉันเดียวกันที่ธรรมวินัยอันตถาคตประกาศแล้ว จะรุ่งเรืองไปทั่วโลก.
ภิกษุทั้งหลาย ! แต่ว่าบัดนี้ความเป็นมนุษย์ก็ได้แล้ว;ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ ก็บังเกิดขึ้นในโลกแล้ว; และธรรมวินัยอันตถาคตประกาศแล้ว ก็รุ่งเรืองไปทั่วโลกแล้ว.
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเหตุนั้นในกรณีนี้พวกเธอพึงกระทำโยคกรรมเพื่อให้รู้ว่า
“นี้ ทุกข์,นี้ เหตุให้เกิดทุกข์,นี้ ความดับแห่งทุกข์,นี้ หนทางให้ถึงความดับแห่งทุกข์” ดังนี้เถิด.
มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๖๘/๑๗๔๔.
พระพุทธเจ้า ทั้งในอดีต, อนาคตและในปัจจุบัน ล้วนแต่ตรัสรู้อริยสัจสี่ภิกษุทั้งหลาย ! พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใดๆได้ตรัสรู้ตามเป็นจริงไปแล้ว ในกาลยืดยาวนานฝ่ายอดีต,ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ได้ตรัสรู้ตามเป็นจริง ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อย่าง.
ภิกษุทั้งหลาย ! พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใดๆจักได้ตรัสรู้ตามเป็นจริง ต่อในกาลยืดยาวนานฝ่ายอนาคต,ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ก็จักได้ตรัสรู้ตามเป็นจริง ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อย่าง.
ภิกษุทั้งหลาย ! แม้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ผู้ตรัสรู้ตามเป็นจริงอยู่ ในกาลเป็นปัจจุบันนี้ ก็ได้ตรัสรู้อยู่ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อย่าง.ความจริงอันประเสริฐสี่อย่างนั้น เหล่าไหนเล่า ? สี่อย่างคือ :-
ความจริงอันประเสริฐคือ ความทุกข์,
ความจริงอันประเสริฐคือ เหตุให้เกิดทุกข์,
ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไม่เหลือของทุกข์,
ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไม่เหลือของทุกข์,
และความจริงอันประเสริฐคือ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์.
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเหตุนั้นในกรณีนี้พวกเธอพึงทำความเพียร เพื่อให้รู้ตามเป็นจริงว่า
“ นี้ เป็นทุกข์,นี้ เป็นเหตุให้เกิดทุกข์,นี้ เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์,นี้ เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์”ดังนี้เถิด.
มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๓/๑๗๐๔.
พระพุทธองค์ ทรงพระนามว่า“อรหันตสัมมาสัมพุทธะ”ก็เพราะได้ตรัสรู้อริยสัจสี่
ภิกษุทั้งหลาย ! ความจริงอันประเสริฐสี่อย่างเหล่านี้ สี่อย่างเหล่าไหนเล่า ?
สี่อย่างคือ :-
ความจริงอันประเสริฐคือ ความทุกข์,
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเหตุนั้นในกรณีนี้พวกเธอพึงทำความเพียร เพื่อให้รู้ตามเป็นจริงว่า
“ นี้ เป็นทุกข์,นี้ เป็นเหตุให้เกิดทุกข์,นี้ เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์,นี้ เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์”ดังนี้เถิด.
มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๓/๑๗๐๔.
พระพุทธองค์ ทรงพระนามว่า“อรหันตสัมมาสัมพุทธะ”ก็เพราะได้ตรัสรู้อริยสัจสี่
ภิกษุทั้งหลาย ! ความจริงอันประเสริฐสี่อย่างเหล่านี้ สี่อย่างเหล่าไหนเล่า ?
สี่อย่างคือ :-
ความจริงอันประเสริฐคือ ความทุกข์,
ความจริงอันประเสริฐคือ เหตุให้เกิดทุกข์,
ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไม่เหลือของทุกข์,
ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไม่เหลือของทุกข์,
และความจริงอันประเสริฐคือ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์.
นี้แล ความจริงอันประเสริฐสี่อย่าง.
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะได้ตรัสรู้ตามเป็นจริง ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อย่างเหล่านี้ ตถาคต จึงมีนาม
อันบัณฑิตกล่าวว่า “อรหันตสัมมาสัมพุทธะ”.
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะได้ตรัสรู้ตามเป็นจริง ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อย่างเหล่านี้ ตถาคต จึงมีนาม
อันบัณฑิตกล่าวว่า “อรหันตสัมมาสัมพุทธะ”.
ภิกษุทั้งหลาย !เพราะเหตุนั้นในกรณีนี้พวกเธอพึงทำความเพียรเพื่อให้รู้ตามเป็นจริงว่า
“นี้เป็นทุกข์,นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์,นี้เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์,และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์”ดังนี้เถิด. มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๓/๑๗๐๓.
จงสงเคราะห์ผู้อื่นด้วยการให้รู้อริยสัจ
ภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอเอ็นดูใคร และใครถือว่าเธอเป็นผู้ที่เขาควรเชื่อฟัง เขาจะเป็นมิตรก็ตาม อำมาตย์ก็ตามญาติหรือสายโลหิตก็ตาม;
ชนเหล่านั้น อันเธอพึงชักชวนให้เข้าไปตั้งมั่นในความจริงอันประเสริฐสี่ประการด้วยปัญญาอันรู้เฉพาะตามที่เป็นจริง.ความจริงอันประเสริฐสี่ประการอะไรเล่า ?
สี่ประการคือ :-
ความจริงอันประเสริฐคือ ทุกข์,
ความจริงอันประเสริฐคือ เหตุให้เกิดแห่งทุกข์,
ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์,
และความจริงอันประเสริฐคือ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์.
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเหตุนั้นในเรื่องนี้เธอพึงประกอบโยคกรรมอันเป็นเครื่องกระทำให้รู้ว่า “ ทุกข์ เป็นอย่างนี้, เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้, ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้,
ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้”ดังนี้.
มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๔/๑๗๐๖.
“นี้เป็นทุกข์,นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์,นี้เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์,และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์”ดังนี้เถิด. มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๓/๑๗๐๓.
จงสงเคราะห์ผู้อื่นด้วยการให้รู้อริยสัจ
ภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอเอ็นดูใคร และใครถือว่าเธอเป็นผู้ที่เขาควรเชื่อฟัง เขาจะเป็นมิตรก็ตาม อำมาตย์ก็ตามญาติหรือสายโลหิตก็ตาม;
ชนเหล่านั้น อันเธอพึงชักชวนให้เข้าไปตั้งมั่นในความจริงอันประเสริฐสี่ประการด้วยปัญญาอันรู้เฉพาะตามที่เป็นจริง.ความจริงอันประเสริฐสี่ประการอะไรเล่า ?
สี่ประการคือ :-
ความจริงอันประเสริฐคือ ทุกข์,
ความจริงอันประเสริฐคือ เหตุให้เกิดแห่งทุกข์,
ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์,
และความจริงอันประเสริฐคือ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์.
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเหตุนั้นในเรื่องนี้เธอพึงประกอบโยคกรรมอันเป็นเครื่องกระทำให้รู้ว่า “ ทุกข์ เป็นอย่างนี้, เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้, ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้,
ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้”ดังนี้.
มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๔/๑๗๐๖.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น